วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554

ดนตรี





การตั้งสาย

    การเรียนรู้ในเรื่องการตั้งสายนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการเล่น,ทฤษฎีดนตรี,
หรือเทคนิคการเล่นต่างๆ เพราะถ้าหากเราไม่เรียนรู้ในเรื่องดังกล่าวแล้ว เวลาเล่นกีต้าร์ แม้ว่าจะเล่นได้ดีเพียงใด
แต่เสียงกีต้าร์ไม่ตรง บทเพลงที่ควรจะออกมาไพเราะก็เกิดอาการเพี๊ยนได้เหมือนกัน ทั้งนี้ เครื่องดนตรีประเภท
เครื่องสาย โดยเฉพาะกีต้าร์เป็นเครื่องดนตรีที่จะต้องมีการตั้งสายอยู่บ่อยๆ เนื่องจากสายที่เราตรึงไว้กับลูกบิด สามารถ
คลายได้เรื่อยๆ จึงต้องมีการตั้งสายให้ตรงอยู่ตลอด และมีวิธีการตั้งสาย อยู่หลายวิธีด้วยกันครับ
1) การตั้งสายจากคีย์บอร์ดหรือเปียโน
โดยการเทียบเสียงจากคีย์บอร์ดหรือเปียโนกับสายกีต้าร์ในแต่ละสายให้เท่ากัน



ก่อนอื่นนั้น เราต้องทราบก่อนนะครับว่า สายกีต้าร์เสียงโน๊ตตัวใดบ้าง
สายที่ 1 = โน๊ตตัว E
สายที่ 2 = โน๊ตตัว B
สายที่ 3 = โน๊ตตัว G
สายที่ 4 = โน๊ตตัว D
สายที่ 5 = โน๊ตตัว A
สายที่ 6 = โน๊ตตัว E

  2) การตั้งสายจากหลอดเทียบเสียง

  โดยทั่วไปหลอดเทียบเสียงจะเป็นท่อพลาสติกหรือท่อโลหะเล็ก ๆ เรียงต่อกัน 6 ท่อ ซึ่งแต่ละท่อจะมีระดับเสียงตาม
สายกีตาร์ทั้ง 6 สาย เวลาจะตั้งสายคุณก็ดูช่องให้ตรงกับสายที่ต้องการตั้งเช่นสาย 5 โน๊ต A คุณก็ดูที่ท่อที่มีเขียนว่า A หรือสาย 5 แล้วก็เป่าหลอดเทียบเสียงพร้อมทั้งดีดสาย 5 สลับกันไปแล้วพยายามสังเกตเสียงของหลอดกับกีตาร์ ว่าระดับเดียวกั นหรือยัง สำหรับสายอื่นก็เช่นเดียวกัน

3) การตั้งสายกีตาร์ด้วยเครื่องตั้งสายกีตาร์

  เครื่องตั้งสายกีตาร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการฟังระดับเสียงของกีตาร์เทียบกับหลอด
เทียบเสียงหรือ เทียบกับเครื่องดนตรีอื่น หลักการก็คือการใช้ความถี่ของโน๊ตแต่ละตัวของสายกีตาร์ซึ่งคงที ่ให้เครื่องเป็นตัวตรวจสอบความถี่ดังกล่าวบางรุ่นก็จะเป็นเข็มซ ึ่งจะกระดิกไปบนหน้าปัตท์ที่มีสเกลของโน๊ต
สายเปล่าสายต่าง ๆและรุ่นที่ใหม่ขึ้นมาจะเป็นระบบดิจิตอลที่แสดงค่าเป็นตัวโน๊ตห รือความถ ี่ซึ่งทำให้ง่าย ต่อการตั้งสายสำหรับมือใหม่อย่างมากแต่ ราคาค่อนข้างจะสูง การทำงานคร่าว ๆ คือ คุณต้องเลือกว่าจะตั้งสายใด
โดย ปรับค่าที่ตัวเครื่อง จากนั้นวางเครื่องใกล้ ๆ ตัวกีตาร์แล้วดีดสายดังกล่าว ปรับจนเข็มบนหน้าปัทย์อยู่ตรงกลาง
จึงถือว่าสมบูรณ์ สำหรับวิธีนี้ เป็นวิธีการตั้งสายที่ง่ายและรวดเร็ว แต่สิ่งที่เพื่อนๆจะไม่ได้ก็คือ การฝึกหู ซึ่งสำคัญ
อย่างยิ่งสำหรับนักดนตรี ฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้พยายามพึ่งพาเครื่องอำนวยความสะดวกเหล่านี้ให้น้อยที่สุดนะครับเอาใจช่วย
4) การตั้งสายกีต้าร์จากเพลง
การตั้งสายด้วย วิธีนี้จะต้องอาศัยความรู้ทางด้านทฤษฎีดนตรีและทักษะในการฟังพอสมควร โดยจะต้องจับเสียง ดนตรี (หรือเสียงร้องก็ได้) ว่าเป็นเสียงของโน๊ตตัวใด จากนั้นก็ตั้งสายกีต้าร์ให้ตรงตามเสียงนั้น 


ตั้งสายเสร็จเรามาดูวิธีเล่นคอร์ดกันบ้าง

คอร์ดคือการรวมกันของเสียงสามเสียงหรือมากกว่านั้นแบ่งออกเป็น คอร์ดเมเจอร์(major)และคอร์ดไมเนอร์(minor)
คอร์ดเมเจอร์ ประกอบด้วย โน๊ตตัวที่ 1,3,5
1,3,5 มาจากไหน?
ให้เอาโน๊ตตัว C ตั้งต้น แล้วไล่เสียงไปจนครบ 7 ตัวโน๊ต ดังนี้
C(1)---- D(2)---- E(3)--F(4)---- G(5)---- A(6)---- B(7)--C(8)
ตัวเลขในวงเล็บ หมายถึงตำแหน่ง จะสังเกตุเห็นว่าโน๊ตตำแหน่งที่ 3 กับ 4 และ 7 กับ 8 ห่างกันอยู่ครึ่งเสียง ที่เหลือห่างกัน 1 เสียงเต็ม


ตัวอย่างเช่น คอร์ด C (เรียกเต็มว่า C เมเจอร์, เขียนเต็มๆว่า Cmaj





หาคอร์ด C ให้เอา C ตั้งต้นก็จะได้
C(1)---- D(2)---- E(3)--F(4)---- G(5)---- A(6)---- B(7)--C(8)
1 = C
3 = E
5 = G
คอร์ด E ก้เอา E ตั้งต้นเช่นกัน
E(1)---- F#(2)----G#(3)--A(4)---- B(5)---- C#(6)----D#(7)--E(8)
1 = E
3 = G#
5 = B





คอร์ด
สัญลักษณ์
องค์ประกอบ (โน๊ตในสเกล)
ตัวอย่างจาก
คอร์ด C
องค์ประกอบ
เมเจอร์@1 3 5CC, E, G
เมเจอร์ 6@61 3 5 6C6C, E, G, A
เมเจอร์ 7@M71 3 5 7CM7C, E, G, B
ดอมินันท์ 7@71 3 5 b7C7C, E, G, Bb
ไมเนอร์@m1 b3 5CmC, Eb, G
ไมเนอร์ 6@m61 b3 5 6Cm6C, Eb, G, A
ไมเนอร์ เมเจอร์ 7@mM71 b3 5 7CmM7C, Eb, G,B
ไมเนอร์ 7@m71 b3 5 b7Cm7C, Eb, G, Bb
ดิมินิชด์ 7@dim71 b3 b5 bb7Cdim7C, Eb, Gb, A
ซัสเปนเด็ด 4@sus41 4 5Csus4C, F, G
ดอมินันท์ 7 ซัส 4@7sus41 4 5 b7C7sus4C, F, G, Bb
อ็อกเมนเต็ด@aug1 3 #5CaugC, E, G#
เมเจอร์ 7 ชาร์ป 5@M7+51 3 #5 7CM7+5C, E, G#, B
ไมเนอร์ ชาร์ป 5@m+51 b3 #5Cm+5C, Eb, G#
ดอมินันท์ 7 ชาร์ป 5@7+51 3 #5 b7C7+5C,. E, G#, Bb
ดอมินันท์ 7 แฟล็ท 5@7-51 3 b5 b7C7-5C, E, Gb, Bb
ไมเนอร์ 7 ชาร์ป 5@m7+51 b3 #5 7Cm7+5C, Eb, G#, B
ไมเนอร์ 7 แฟล็ท 5@m7-51 b3 b5 7Cm7-5C, Eb, Gb, B
ดอมินันท์ 7 ชาร์ป 9@7+91 3 5 b7 #9C7+9C, E, G, Bb, D#
ดอมินันท์ 7 แฟล็ท 9@7-91 3 5 b7 b9C7-9C, E, G, Bb, Db
ดอมินันท์ 7 ชาร์ป 11@7+111 3 5 b7 #11C7+11C, E, G, Bb, F#
ดอมินันท์ 7(6)@7(6)1 3 5 6 b7C7(6)C, E, G, A, Bb
เมเจอร์ 6(9)@m6(9)1 3 5 6 9Cm6(9)C, E, G, A, D
เมเจอร์ 6(9 ชาร์ป 11)@6(9+11)1 3 5 6 9 #11C6(9+11)C, E, G, A, D, F#
ดอมินันท์ 9@91 3 5 b7 9C9C, E, G, Bb, D
ดอมินันท์ 9 ชาร์ป 5@9+51 3 #5 b7 b9C9+5C, E, G#, Bb, Db
ดอมินันท์ 9 แฟล็ท 5@9-51 3 b5 b7 9C9-5C, E, Gb, Bb, D
ดอมินันท์ 9 ซัส 4@9sus41 4 5 b7 9C9sus4C, F, G, Bb, D
ดอมินันท์ 11@111 3 5 b7 9 11C11C, E, G, Bb, D, F
ดอมินันท์ 13@131 3 5 b7 9 11 13C13C, E, G, Bb, D, F, A
ดอมินันท์ 13 ชาร์ป 9@13+91 3 5 b7 #9 11 13C13+9C, E, G, Bb, D#, F, A
ดอมินันท์ 13 แฟล็ท 9@13-91 3 5 b7 b9 11 13C13-9C, E, G, Bb, Db, F, A
ดอมินันท์ 13 ซัส 4@13sus41 4 5 b7 9 11 13C13sus4C, F, G, Bb, D, F, A
ไมเนอร์(แอ็ด9)@m(add9)1 b3 5 9Cm(add9)C, Eb, G, D
ไมเนอร์ 9@m91 b3 5 b7 9Cm9C, Eb, G, Bb, D
ไมเนอร์ 11@m111 b3 5 b7 9 11Cm11C, Eb, G, Bb, D, F
ไมเนอร์ 13@m131 b3 5 b7 9 11 13Cm13C, Eb, G, Bb, D, F
ไมเนอร์ 6(9)@m6(9)1 b3 5 6 9Cm6(9)C, Eb, G, Bb, D, F, A
ไมเนอร์ 6(9 11)@m6(9 11)1 b3 5 6 9 11Cm6(9 11)C, Eb, G, A, D, F
ไมเนอร์ เมเจอร์ 9@mM91 b3 5 7 9CmM9C, Eb, G, B, D
ไมเนอร์ เมเจอร์ 11@mM111 b3 5 7 9 11CmM11C, Eb, G, B, D, F
ไมเนอร์ เมเจอร์ 13@mM131 b3 5 7 9 11 13CmM13C, Eb, G, B, D, F, A
เมเจอร์ แอ๊ด 9@add91 3 5 9Cadd9C, E, G, D
เมเจอร์ 9@M91 3 5 7 9CM9C, E, G, B, D
เมเจอร์ 13 ชาร์ป 11@M13+111 3 5 7 9 #11 13CM13+11C, E, G, B, D, F#, A
อ็อกเมนเต็ด 4@aug41 3 4 #5Caug4C, E, F, G#
อ็อกเมนเต็ด 11@aug111 3 #5 b7 11Caug11C, E, G#, Bb, F











พิณ

      เืพื่อนๆมาดูดนตรีอีสานกันบ้างครับเพื่อให้สมกับบลอ๊อกคนขอนแก่นกันหน่อย
       พิณ เป็นเครื่องดนตรีประเภทสายดีดที่มีมานาน นานจนไม่อาจทราบได้ว่า ใครเป็นผู้ประดิษฐ์คิดค้นเป็นคนแรก เครื่องดนตรีที่มีหลักการเช่นเดียวกันนี้ พบในหลายๆ ประเทศ แต่ชื่อเรียก ย่อมแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติภาษา และรูปร่างปลีกย่อยอาจแตกต่างกันไปเช่นกัน

     พิณ ที่จะกล่าวถึงในที่นี้ เฉพาะพิณของชาวอีสาน ซึ่งแม้แต่ชาวอีสานเอง ก็เรียกชื่อเครื่องดนตรีชนิดนี้แตกต่างกันออกไป เช่น แถบอุบล เรียกว่า ซุง” ชัยภูมิเรียกว่า เต่ง” หรือ อีเต่ง” หนองคาย เรียกว่า ขจับปี่” เป็นต้น แต่ชื่อสามัญที่คนทั่วไปใช้เรียก คือ พิณ” นั่นเอง
     พิณสมัยก่อน มีเฉพาะพิณโปร่ง นิยมทำจากไม้ขนุน เนื่องจาก ให้เสียงกังวานใสดี เกิดกำทอนดี ไม้ขนุน เนื้อไม่แข็งมาก ใช้มีด ใช้สิ่วเจาะทำพิณได้ไม่ยาก จริงๆ แล้ว ไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ไม้มะหาด ไม้ยูง ก็ให้เสียงกังวานใสดีเช่นกัน แต่เนื้อไม้ค่อนข้างแข็งมาก และค่อนข้างหายาก จึงไม่นิยมนำมาทำพิณ ไม้ชนิดอื่นๆ เช่น ไม้มะเหลื่อม ไม้ฉำฉา เป็นต้น ก็ทำพิณได้เช่นกัน แต่เสียงอาจจะไม่แน่นดี ซึ่งหากจะเอาแค่ดีดแล้วมีเสียงดัง จะใช้ไม้อะไรก็ได้ที่ขึงสายแล้วตัวพิณไม่หัก นอกจากนั้น ช่างทำพิณบางคน อาจทำเต้าพิณจากกะลา น้ำเต้า บั้งไม้ไผ่ กระดองเต่า ใช้หนังสัตว์ เช่นหนังงู เป็นต้น ทำเป็นแผ่นประกบปิดเต้าพิณ
     พิณสมัยปัจจุบัน มีทั้งพิณโปร่ง พิณไฟฟ้า และ  พิณโปร่งไฟฟ้าตามยุคตามสมัย 

     สายพิณ สมัยโบราณ เข้าใจว่า คงใช้เชือกหรือหนัง จากนั้น เมื่อมีรถจักรยานแล้ว ก็หันมาใช้สายเบรกรถจักรยานแทน แต่ปัจจุบัน เนื่องจากมีผู้ผลิตสายกีตาร์จำหน่าย จึงหันมาใช้สายกีตาร์โปร่งสำหรับพิณโปร่ง สายกีตาร์ไฟฟ้าสำหรับพิณไฟฟ้า ขอแบ่งพิณเป็นสามประเภทดั้งนี้หละกันครับ


ประเภทของพิณ (แบบที่๑)
พิณโปร่ง
พิณโปร่ง หมายถึงพิณซึ่งเต้าพิณมีรูโพรง เพื่อให้เกิดเสียงดังตามธรรมชาติ หากต้องการใช้พิณโปร่งต่อกับเครื่องเสียง ก็ต้องใช้ไมค์เล็กๆ มาต่อเข้ากับพิณโปร่ง แต่ข้อเสียของการใช้ไมค์คือ เมื่อปิกสัมผัสกับสายพิณ หรือมือผู้ดีดกระทบกับเต้าพิณ อาจเกิดเสียงรบกวนที่ไม่พึงประสงค์ได้


พิณไฟฟ้า
พิณไฟฟ้า หมายถึงพิณซึ่งเต้าพิณไม่มีรูโพรง แต่ติดอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า คอนแท็ก และอื่นๆ ที่เต้าพิณแทน โดยพิณไฟฟ้า จะต้องต่อกับอุปกรณ์กำเนิดเสียงไฟฟ้าเท่านั้น จึงจะให้เสียงดัง เมื่อดีดเปล่า แทบจะไม่ได้ยินเสียงเลย


พิณโปร่งไฟฟ้า
พิณโปร่งไฟฟ้า หมายถึง พิณโปร่งกับพิณไฟฟ้าผสมกัน คือ นำพิณโปร่งมาติดคอนแท็ก เพื่อให้สามารถนำพิณโปร่ง ไปต่อเข้าเครื่องเสียงได้ ซึ่งพิณโปร่งมีเสียงกังวานอยู่แล้ว เมื่อติดคอนแท็กเข้าไปก็จะให้เสียงกังวาน ไพเราะไปอีกแบบ



ประเภทของพิณ (แบบที่๒)



พิณสองสาย

พิณสองสาย หมายถึงพิณที่ใช้สายสองสาย




พิณสามสาย

พิณสามสาย หมายถึงพิณที่ใช้สายสามสาย



พิณสี่สาย

พิณสี่สาย หมายถึงพิณที่ใช้สายสี่สาย


ประเภทของพิณ (แบบที่๓)


พิณหัวเดียว

พิณหัวเดียว หมายถึงพิณที่มีคอพิณอันเดียว



พิณสองหัว

พิณสองหัว หมายถึงพิณที่มีคอพิณสองอัน คอล่างตั้งเสียงโทนตำ (ลายใหญ่) คอบนตั้งเสียงโทนสูง (ลายน้อย)



ลายพิณ หมายถึง กลอนของพิณ หรือเพลง เช่น ลายลำเพลิน ลายสุดสะแนน ลายกาเต้นก้อน เป็นต้น  ลักษณะการตั้งลายพิณนั้นสามารถตั้งได้หลายวิธีตามโอกาสที่จะนำไปใช้บรรเลงของแต่ละคน คือ

1. การตั้งลายพิณแบบลายลำเพลิน



     การตั้งสายพิณแบบนี้เป็นที่นิยมกันมากเพราะสามารถบรรเลงได้ง่าย เสียงทุ้มให้ความสนุกสนาน เสียงที่ตั้งสามารถตั้งได้ดังนี้
               สายที่ เป็นเสียง มี 

               สายที่ เป็นเสียง ลา
               สายที่ เป็นเสยง มี (ต่ำ)




2. การตั้งลายพิณแบบเซิ้ง


     การตั้งลายพิณแบบนี้จะเล่นยาก และสามารถเล่นได้ทั้งลายลำเพลินและเพลงรวมทั้งการจับคอร์ดพิณได้ เสียงที่ตั้งสามารถตั้งได้ดังนี้

               สายที่ เป็นเสียง เร

               สายที่ เป็นเสียง ลา

               สายที่ เป็นเสียง มี (ต่ำ)



3. การตั้งลายพิณแบบสายคู่


     การตั้งสายพิณแบบนี้ ให้เสียง เสียงเหมือนกัน สามารถตั้งสายได้ดังนี้

               สายที่ เป็นเสียง เร

               สายที่ เป็นเสียง เร
               สายที่ เป็นเสียง มี 


เอาลายพินไปหัดเล่นกันนะครับ

http://www.ziddu.com/download/14158304/Bai-sri-soo-khwan.rar.html






ขอไห้มวนๆ กันทุกคนนะครับ หมู่เฮา